
วันอีฎิ้ลอัฎฮา คือ ช่วงเวลาที่ชาวมุสลิมทั่วโลกจะร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลการรำลึกถึงการเสียสละของศาสดา อิบรอฮีม เทศกาลรื่นเริงประจำปีของชาวมุสลิม จะตรงกับวันที่ 10 เดือนซุ้ลฮิจยะห์ (เดือนซุ้ลฮิจยะห์ คือ ชื่อเดือนที่ 12 ตามปฏิทินจันทรคติของศาสนาอิสลาม) ซึ่งในปีนี้ตรงกับ วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2563 เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่พี่น้องมุสลิมประกอบพิธีฮัจย์ (แสวงบุญฮัจย์) ณ นครมักกะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ตามคำสั่งใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และมุสลิมทุกคนต่างรอคอยการมาเยือนของวันอีฎิ้ลอัฎฮา
ในปีนี้เป็นปีที่ประเทศไทยและทั่วโลกต้องเผชิญสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด-19 ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปฏิบัติศาสนกิจ อาทิ การเว้นระยะห่างในการละหมาดให้เหมาะสม รวมถึงการสวมหน้ากากอนามัย และอื่นๆ ตามประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดฯของแต่ละประเทศ
ชุดเสื้อผ้าสวยๆ หล่อๆ ผ้าใหม่ๆ สะอาด สวยงาม ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมเพื่อจะนำมาใส่ใน ‘วันอีฎิ้ลอัฎฮา’ หรือเรียกย่อๆ ว่า ‘วันอีดฮัจยี’ บรรยากาศก่อนวันงาน ลูกๆ หลานๆ ที่เดินทางไปเรียนหนังสือ หรือทำงานต่างจังหวัด จะเดินทางกลับบ้าน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวันสำคัญนี้ที่บ้าน ซึ่งในแต่ละครอบครัวจะมีการรวมตัวกันทำขนมนมเนยของแต่ละท้องถิ่น อาทิ ตูป๊ะ ข้าวต้มมัด ขนมเทียน และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อเตรียมรับแขกต่างบ้านที่จะมาเยือนในวันอีด
ทั้งนี้ การละหมาดวันอีฎิ้ลอัฎฮานี้ ถือเป็นศาสนกิจที่สำคัญ ซึ่งมุสลิมทุกเพศทุกวัยจะต้องไปร่วมกันละหมาดที่มัสยิดใกล้บ้าน หรือลานที่มัสยิดจัดเตรียมไว้ โดยหลังพิธีละหมาด ได้ร่วมรับฟังธรรมเทศนา จากอิหม่ามหรือผู้รู้ในท้องถิ่น ด้วยความสำรวมและสงบเสงี่ยม จากนั้นจะมีการแสดงความยินดี กล่าวคำอวยพร และขออภัยต่อกันในสิ่งที่ได้ล่วงละเมิด ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม และมีการบริจาคทานให้กับเด็ก คนชรา หรือผู้ยากไร้ พร้อมทั้งออกไปเยี่ยมเยียนซึ่งกันและกัน ซึ่งไม่ได้พบกันนานนับปี ด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ
และที่สำคัญในวันนี้ คือ การเชือดสัตว์พลีทาน (กุรบ่าน) เช่น แพะ แกะ วัว เป็นต้น ซึ่งมุสลิมถือว่า การทำกุรบ่านจะได้เข้าใกล้องค์พระผู้เป็นเจ้า โดยศาสนาส่งเสริมให้อิสลามิกชนที่มีกำลังทรัพย์ทำการเชือดสัตว์ให้ทานแก่คนยากจน จะนำไปขายไม่ได้ นอกจากทำอาหารเลี้ยงหรือแจกจ่ายให้แก่ผู้ยากไร้เท่านั้น เพื่อรำลึกประวัติศาตร์แห่งความศรัทธาและเสียสละ ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์กุรอาน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการที่จะทดสอบความศรัทธาของศาสดาอิบรอฮีม (หรืออับราฮัม) โดยคืนหนึ่งศาสดาอิบรอฮีมฝันว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงมีบัญชาให้ท่านเชือดอิสมาอีลลูกชายของท่านเป็นการพลีถวายให้แก่พระองค์ ศาสดาอิบรอฮีมจึงได้นำบุตรชายไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อทำตามคำสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อเตรียมจะลงมือเชือด พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงเห็นว่า อิบรอฮีมเป็นผู้ศรัทธาที่พร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์จริง พระองค์จึงได้ประทานแกะและมีบัญชาให้อิบรอฮีมเชือดแกะนั้นแทนลูกชายของท่าน
และการที่ศาสนาได้อนุญาตให้บริโภคเนื้อสัตว์นั้น เพื่อประทังชีวิต แต่ด้วยเงื่อนไขที่ว่า สัตว์ที่เรานำไปใช้บริโภคนั้นจะต้องฮาลาลด้วยกับการกล่าวนามของผู้เป็นเจ้าขณะเชือด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่คอยย้ำเตือนและรำลึกถึงความหมายและความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต การเชือดสัตว์พลีทานนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการชดใช้บาปหรือใช้เลือด เพื่อชำระตัวเองจากบาป แต่อย่างใด
ด้วยหลักคำสอนอันทรงคุณค่าของวันอีฎิ้ลอัฎฮานี้ ถือเป็นเทศกาลที่เฉลิมฉลอง และแสดงถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เช่นการละหมาดอีด สะท้อนถึงความสำคัญของการดำรงตนเป็นผู้เสียสละ แบ่งปัน เช่นการทำกุรบ่าน และเทศกาลรื่นเริงดังกล่าว ยังถือเป็นวันครอบครัวอีกด้วย
Like
0
Tags
