TOP
background-cover
กลุ่มเป้าหมาย

ลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัย และลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดน และน้ำท่วม 

cover-image

 

 

กลุ่มเป้าหมาย

ลูกค้ารายเดิมที่ได้รับผลกระทบทางตรง เช่น ที่อยู่อาศัย หรือสถาน ประกอบการได้รับความเสียหายอยู่ในพื้นที่ประสบภัยตามประกาศส่วนราชการ

        หมายเหตุ : ภัยพิบัติ หมายถึง ภัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของผู้คนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้น

วัตถุประสงค์

เพื่อช่วยเหลือลูกค้าเดิมของธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดน และน้ำท่วม 

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

ลูกค้ารายเดิมที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่เป็นลูกค้าสินเชื่ออุปโภคบริโภคทั้งแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน หรือสินเชื่อธุรกิจแบบมีกำหนดระยะเวลาของธนาคาร ยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อ ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ

แนวทางมาตรการ

  • พักชำระเงินต้น และกำไร ระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน โดยให้ขยายระยะเวลาออกไปสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน หรือ ไม่เกินค่างวดที่ผ่อนชำระเดิม โดยให้ยกเว้นค่าชดเชยผิดนัด (Late charge) ที่เกิดขึ้นทั้งจำนวนจนถึงวันที่ปรับปรุงบัญชี
  • ให้วงเงินเพิ่มเพื่อซ่อมแซม ฟื้นฟู ที่อยู่อาศัยและกิจการลูกค้า ทั้งนี้ยกเว้นลูกหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (TDR) ที่อยู่ระหว่างการ monitor 3 เดือน

อัตรากำไร (ต่อปี)

  • มาตรการพักชำระเงินต้น และกำไร กำหนดอัตรากำไรตามสัญญาสินเชื่อเดิม
  • มาตรการให้วงเงินเพิ่มเพื่อซ่อมแซม ฟื้นฟู ที่อยู่อาศัยและกิจการลูกค้า อัตรากำไรตามตารางดังนี้
    ระยะเวลา สินเชื่อเพื่ออยู่อาศัย
    (ซ่อมแซม)
    สินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจ
    (วงเงินทุนระยะยาว)
    ปีที่1 (ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 6 เดือน) 1.99%  2.99%
    ปีที่2- 3 SPRL – 3.90% SPRL – 1.50%
    ปีที่4 เป็นต้นไป SPRL – 1.50% SPRL – 1.00%

วงเงินสินเชื่อ (ต่อราย)

  • สินเชื่อเพื่อซ่อมแซม ต่อเติมที่อยู่อาศัย วงเงินสูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท
  • สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการ วงเงินทุนระยะยาว วงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท

ระยะเวลาผ่อนชำระ

  • สินเชื่อเพื่อซ่อมแซม ต่อเติมที่อยู่อาศัย ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 20 ปี
  • สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการ วงเงินทุนระยะยาว ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 5 ปี

ระยะเวลาสิ้นสุดรับคำขอเข้าร่วมมาตรการ

31 ธันวาคม 2568 

ข่าวสารและ

กิจกรรม

+ ดูทั้งหมด

7 มีนาคม 2568

ไอแบงก์ปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อสูงสุด 0.30% โดยประกาศปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อทุกประเภท 0.10% มีผลตั้งแต่ 10 มี.ค. 68 ถึง 31 ส.ค. 68 และลดอัตรากำไรแก่ลูกหนี้ที่มีรายได้ฟื้นตัวไม่เต็มที่อีก 0.20% พร้อมคงอัตราผลตอบแทนเงินฝากเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ออมเงิน

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ให้บริการตามหลักชะรีอะฮ์ ปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อสูงสุด 0.30% โดยประกาศปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อทุกประเภทลง 0.10% โดย SPR ลดลงเหลือ 7.90% ต่อปี SPRL ลดลงเหลือ 7.80% ต่อปี และ SPRR ลดลงเหลือ 8.15% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2568 ถึง 31 สิงหาคม 2568 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงพี่น้องมุสลิมที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนตามหลักการศาสนา พร้อมทั้งเสนอมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เปราะบางที่มีรายได้ฟื้นตัวไม่เต็มที่ตามเงื่อนไขของธนาคาร โดยลดอัตรากำไรให้อีก 0.20% รวมเป็น 0.30% ต่อปี ซึ่งการปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อทั้งหมดในครั้งนี้ ครอบคลุมระยะเวลา 6 เดือน และธนาคารยังคงอัตราผลตอบแทนเงินฝากเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ออมเงิน ให้มีทางเลือกในการหาแหล่งฝากเงินที่มีความมั่นคง ปลอดภัย และถูกต้องตามหลักชะรีอะฮ์

22 ตุลาคม 2567

ไอแบงก์ประกาศปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อลงสูงสุด 0.25% ต่อปี เริ่ม 1 พ.ย.นี้

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ร่วมสนองนโยบายรัฐบาลประกาศปรับลดอัตรากำไรลูกค้าสินเชื่อลงสูงสุด 0.25% ต่อปี ตามมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อลดภาระให้กับลูกค้าสินเชื่อของธนาคาร

icon-noti