ประกาศธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เรื่อง ขายทอดตลาดพัสดุที่ชำรุด และไม่จำเป็นต้องใช้งานต่อไป

ด้วย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จะทำการขายทอดตลาดพัสดุชำรุด และไม่จำเป็นต้องใช้งานต่อไป เพื่อทำการตัดจำหน่ายพัสดุ เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง จำนวน 263 รายการ แบบเหมารวม ในราคาไม่ต่ำกว่า 660,000.00 บาท        (หกแสนหกหมื่นบาทถ้วน) ตามรายละเอียดแนบท้ายประกาศนี้  ณ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ ชั้น 23 เลขที่ 66 อาคารนวม ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 เมษายน 2566 กำหนดเวลา ดังนี้

                                เวลา         9:30 น.  ดูสภาพพัสดุตามประกาศ และลงทะเบียนผู้เข้าประมูล

                                เวลา       10:00 น. เริ่มการประมูล

                ผู้ประสงค์จะเข้าสู้ราคาแต่ไม่ได้ดูพัสดุ ให้ถือว่าทราบรายละเอียดและสภาพต่าง ๆ ของพัสดุที่จะขายทอดตลาดครั้งนี้ดีแล้ว

                เงื่อนไขการขายทอดตลาด มีดังต่อไปนี้

1. ผู้มีสิทธิเข้าร่วมประมูลจะต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมประมูลพัสดุที่ชำรุด เสื่อมสภาพ และไม่จำเป็นต้อง ใช้งานต่อไป เท่านั้น โดยนำสำเนาหลักฐานพร้อมรับรองสำเนาถูกต้องของเอกสารมายื่นแก่คณะกรรมการขายทอดตลาดในวันลงทะเบียน ดังนี้

1.1 กรณีบุคคลธรรมดา ให้ยื่นสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ใบ

1.2 กรณีนิติบุคคล ให้ยื่นสำเนาหนังสือบริคนห์สนธิ หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนหุ้นบริษัท จำนวน 1 ชุด

1.3 กรณีตัวแทนให้นำหนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด และติดอากรแสตมป์ตามกฎหมายกำหนด

2. การขายทอดตลาดพัสดุ จะขายโดยวิธีประมูลด้วยวาจา คณะกรรมการขายทอดตลาดจะทำการประกาศราคาประเมินขั้นต่ำ ที่จะขายต่อหน้าผู้เข้าประมูลและให้ผู้เข้าประมูลเสนอราคา ในการเสนอราคาให้ผู้เข้าร่วมประมูลสู้ราคาครั้งละไม่ต่ำกว่า 5,000.-บาท (ห้าพันบาทถ้วน) คณะกรรมการขายทอดตลาดจะร้องขานจำนวนเงินที่ผู้ประมูลสู้ราคาสูงสุดในขณะนั้น ครั้งหนึ่ง 3 หน ถ้าไม่มีผู้ประมูลสู้ราคาสูงขึ้น คณะกรรมการขายทอดตลาดจะร้องขานเป็นครั้งที่ 2 อีก 3 หน เมื่อไม่มีผู้ประมูลราคาสูงกว่านั้น และได้ราคาพอสมควร คณะกรรมการขายทอดตลาดก็จะร้องขานราคานั้นเป็นราคาที่ชนะการประมูล
3. ผู้ประมูลได้ต้องเป็นผู้เสนอราคาสูงสุด และต้องเสนอราคาไม่ต่ำกว่าราคาประเมินขั้นต่ำที่ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยกำหนดไว้
4. ผู้ชนะการประมูลจะต้องชำระเงินค่าพัสดุนั้นทันที หรือวางมัดจำไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ของราคาที่เสนอได้ และจะต้องชำระเงินที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายใน 5 วันทำการ นับจากวันที่เสนอราคาได้ก่อนเวลา 15.00 น. โดยต้องชำระเงินด้วยเงินสดหรือเช็คของธนาคาร (Cashier cheque) และธนาคารจะออกใบรับเงินไว้เป็นหลักฐานค่าพัสดุที่ชำรุด และไม่จำเป็นต้องใช้งานต่อไป
5. ถ้าผู้ชนะการประมูลไม่ชำระเงินค่าพัสดุที่ประมูลได้ คณะกรรมการขายทอดตลาดจะนำพัสดุนั้นออกขายทอด ตลาดใหม่อีกครั้ง และจะแจ้งให้ผู้ประมูลได้ทราบกำหนด วัน เวลา และสถานที่ ที่จะทำการขายทอดตลาดใหม่ หากการขายทอดตลาดครั้งหลังได้เงินเท่าใด เมื่อหักค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมแล้วไม่คุ้มราคาขายทอดตลาดครั้งก่อน ผู้ชนะการประมูลได้เดิมต้องชำระเงินส่วนที่ขาดนั้นให้แก่ธนาคาร ภายใน 7 วันทำการ นับถัดจากวันขายทอดตลอดครั้งใหม่เสร็จสิ้นแล้ว
6. ผู้ประมูลไม่อาจเรียกร้องให้ธนาคารดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อปรับปรุง ซ่อมแซม เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขพัสดุให้ดีขึ้น
7. ผู้ชนะการประมูลต้องรับภาระในการเคลื่อนย้ายพัสดุทั้งหมดเอง พร้อมทั้งลบตราสัญญลักษณ์หรืออักษรหรือตัวเลขใด ๆ อันเกี่ยวข้องกับธนาคารออกจากพัสดุนั้น ๆ ให้เสร็จสิ้น พร้อมทั้งเคลื่อนย้ายพัสดุออกจากธนาคารภายใน 7 วันทำการ นับถัดจากวันที่ประมูลได้ และ/หรือตามวันที่ธนาคารกำหนด หากล่วงเลยเวลา ธนาคารจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น

ผู้สนใจจะเข้าประมูลราคาพัสดุที่ชำรุด และไม่จำเป็นต้องใช้งานต่อไปดังกล่าว สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายธุรการ ชั้น 11 อาคารนวม เลขที่ 66 สุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร หมายเลข

โทรศัพท์ 02 650 6999 ต่อ 5220,1158  

                                                      ประกาศ ณ วันที่   31     มีนาคม 2566

                                                              (นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์)

                                                                 กรรมการและผู้จัดการ

                                                         ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

รายการพัสดุแนบท้ายประกาศธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

ลงวันที่   31  มีนาคม 2566

เรื่อง ขายทอดตลาดพัสดุที่ชำรุด เสื่อมสภาพ และไม่จำเป็นต้องใช้งานต่อไป