- หน้าหลัก
- เกี่ยวกับ ibank
- ข่าวสารและกิจกรรม
- ข่าวธนาคาร
- ครม.อนุมัติตั้งเอเอ็มซีรับโอนหนี้ไอแบงก์ กว่า 4.7 หมื่นลบ.
ครม.อนุมัติตั้งเอเอ็มซีรับโอนหนี้ไอแบงก์ กว่า 4.7 หมื่นลบ.

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือเอเอ็มซี โดยใช้ชื่อว่า บริษัทบริหารสินทรัพย์(เอเอ็มซี)ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง 100 % กำกับดูแลการบริหารงานโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ซึ่งเป็นผู้กำหนดแนวทางบริหารการดำเนินงานในอนาคตต่อไป โดยเอเอ็มซีแห่งนี้ มีหน้าที่บริหารจัดการหนี้เสียของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยเพียงแห่งเดียวเท่านั้น โดยมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ เพราะที่ผ่านมาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ได้มีการจัดตั้งเอเอ็มซีขึ้นมาหลายแห่งเพื่อบริหารจัดการหนี้เอ็นพีแอลอยู่แล้ว เพื่อรับโอนหนี้ด้อยคุณภาพ หรือ เอ็นพีเอฟ ที่ไม่ใช่มุสลิมทั้งหมด 47,000 กว่าล้านบาท หรือคิดเป็น 43.40% ของสินเชื่อรวมทั้งหมดของไอแบงก์มาบริหารจัดการ
ทั้งนี้ การโอนหนี้เอ็นพีเอฟ ที่ไม่ใช่มุสลิมทั้งหมดมา เอเอ็มซี เพื่อให้สิทธิ์ในการบริหารหลักประกัน ปรับโครงสร้างหนี้ หรือฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย และยังทำให้ไอแบงก์เกิดความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันไอแบงก์มีหนี้เสียจำนวนมาก ทำให้ธนาคารบริหารได้ไม่เต็มที่ รวมถึงยังเป็นการเปิดทางให้พันธมิตรผู้ที่จะเข้ามาร่วมทุนรายใหม่ ให้เกิดความมั่นใจในส่วนนี้ด้วย
นอกจากนี้ทางครม.ยังมีมติเห็นชอบการเพิ่มทุนของกระทรวงการคลังที่เพิ่มทุนให้ไอแบงก์อีกจำนวน2,500 ล้านบาท เพื่อไปดำเนินเสริมสภาพคล่องของธนาคาร ในระหว่างที่ได้มีการจัดตั้งเอเอ็มซีโอนหนี้มาบริหาร เพื่อแยกหนี้ดีและหนี้เสียออกจากกัน และก่อนที่ธนาคารจะมีการเปิดรับนักลงทุนที่เข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมทุนใหม่ในรอบที่สอง
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แผนการจัดตั้งเอเอ็มซีธนาคารอิสลาม ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการฟื้นฟูกิจการของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือไอแบงก์ อยู่แล้ว โดยเชื่อว่าการโอนหนี้เสียให้เอเอ็มซีบริหารในครั้งนี้ น่าจะขายได้อย่างน้อย 50 % หรือกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังจะชำระเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินและนำมาเพิ่มทุนให้ไอแบงก์ต่อไป
สำหรับฐานะทางการเงินของไอแบงก์เมื่อสิ้นปี 2558 มีสินทรัพย์รวม 90,000 ล้านบาท หนี้สิน 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ดีของลูกค้าชาวมุสลิม 9,000 ล้านบาท หน้ดีของลูกค้าทั่วไป 41,000 ล้านบาท หนี้เสียของลูกค้ามุสลิม 3,400 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เกิดจากการให้สินเชื่อในช่วงน้ำท่วมปี 54 และโครงการไมรโครไฟแนนซ์ ซึ่งถูกคิดว่าเป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่า) และหนี้เสียของลูกค้าทั่วไป 40,000 ล้านบาท ด้านการดำเนินงานของธนาคาร มีจำนวนลูกค้ามุสลิมเพิ่มขึ้นจาก 296,462 ราย ในปี 2556 เป็น 447,533 รายในปี 2558
โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่าไม่อยากให้นำเสนอมากนักเพราะมีเรื่องศาสนาและมีความซับซ้อน ซึ่งต้องการให้ดำเนินการแก้ไขในส่วนของปัญหาที่เป็นรัฐวิสาหกิจ โดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ดดีกว่า
ที่มาข่าว : นสพ.เดลินิวส์ นสพ.โพสต์ทูเดย์ นสพ.ฐานเศรษฐกิจ นสพ.ข่าวหุ้น นสพ.ไทยโพสต์
Like
0
Tags
