- หน้าหลัก
- เกี่ยวกับ ibank
- ข่าวสารและกิจกรรม
- สื่อเผยแพร่
- การกักตุนสินค้าจะห่างไกลจากความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า
การกักตุนสินค้าจะห่างไกลจากความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า

จากความหวาดวิตกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ในประเทศไทย ส่งผลให้สินค้าของใช้ภายในบ้าน ตั้งแต่หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ น้ำยาฆ่าเชื้อ ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ รวมทั้งร้านยา ร้านค้าย่อยขาดแคลนอย่างหนัก จนหาซื้อไม่ได้ หรือหากถ้ามีก็โก่งราคากันแพงหูฉี่ และด้วยความตื่นตระหนกที่กลัวกันว่า อาหารจะขาดแคลน ทำให้ผู้คนจำนวนหนึ่งต่างออกมาซื้อของกินของใช้ ทั้งอุปโภคและบริโภค เพื่อกักตุนกันให้มีไปใช้ให้นานที่สุด ตามกำลังทรัพย์หรือสินค้าที่มีขาย ซึ่งทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและเหล่าผู้นำทางความคิดต่างออกมาประสานเสียงตรงกันว่า ประเทศไทยกับเหตุการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต ไม่จำเป็นต้องกักตุนสินค้า และสินค้าอาหารการกินของไทยยังมีพร้อมไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน
วันนี้มาเราประมวลหลักธรรมคำสอนอิสลามถึงความเท่าเทียมและความยุติธรรมทางการค้า ดังที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านระบุว่า “ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่ากินทรัพย์ของพวกเจ้าในระหว่างพวกเจ้าโดย มิชอบ นอกจากมันจะเป็นการค้าที่เกิดจากความพอใจของทั้งสองฝ่าย”(อัล-นิสาอ์ 4: 29)
แม้ว่าอิสลามจะประกันเสรีภาพของปัจเจกบุคคลในการซื้อและการขาย รวมไปถึงการแข่งขัน (ในการค้า)ที่เป็นกลไกธรรมชาติ แต่อิสลามก็ปฏิเสธอย่างแข็งขันไม่ยอมให้ใครบางคนเอาความเห็นแก่ตัวและความละโมบของเขาใส่คนอื่น ด้วยการให้คนอื่นๆ ต้องจ่ายเพียงเพื่อเป้าหมายให้ทรัพย์สินทวีขึ้นมหาศาล มันคือการทำให้มั่งคั่ง แม้ต้องจ่ายด้วยราคาความมั่งคั่งของประชาชนและสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาจำเป็นมากก็ตาม ด้วยเหตุนี้เอง ศาสดามูฮัมมัดได้ห้ามการกักตุนสินค้าไว้ด้วยถ้อยคำที่หนักหน่วง
“ผู้ใดที่กักตุนอาหารไว้สี่สิบวัน(เพื่อโก่งราคา) เขาได้ตัดขาดจากอัลลอฮฺและอัลลอฮฺก็ได้ตัดขาดจากเขา” (บันทึกโดยอะหฺมัด และอัลฮากิม)
“ไม่มีผู้ใดที่ทำการกักตุนสินค้า(เพื่อโก่งราคา) เว้นแต่เป็นผู้กระทำผิด” (บันทึกโดยมุสลิม)
คำว่า “ผู้กระทำผิด” ตรงนี้ ไม่ได้เป็นคำเบาๆ แต่คำนี้ในอัลกุรอานได้ประทับให้กับบรรดาทรราชทั้งหลาย อย่างฟิรเอาน์ ฮามาน และไพร่พลของเขาทั้งสอง
“แท้จริงฟิรเอาน์ และฮามานและไพร่พลของเขาทั้งสองเป็นพวกที่มีความผิด” (อัลเกาะศ็อศ 28:8)
นอกจากนี้ท่านศาสดามูฮัมมัด ได้บรรยายลักษณะของพวกเขาไว้ในทางจิตวิทยาและความเห็นแก่ตัวไว้อีกว่า
“พวกกักตุนสินค้านั่นเป็นคนชั่วช้าเสียนี่กระไร หากเขาได้ยินราคาตก เขาจะเสียใจ และหากเขาได้ยินราคาขึ้น เขาจะดีใจ”(บันทึกโดยอัฏเฏาะบะรอนีย์ อัลบัยฮะกียฺ)
“ผู้นำสินค้าเข้ามา(สู่ตลาดการค้า) เขาจะได้รับปัจจัยยังชีพ แต่ผู้ที่กักตุนนั้นเขาจะได้รับการสาปแช่ง”
ด้วยเหตุเพราะว่าการที่พ่อค้าทำกำไรนั้น เขาอาศัยสองวิธีการ วิธีการแรกคือใช้วิธีกักตุนสินค้าเอาไว้ เพื่อจะขายมันไปด้วยราคาที่สูง เมื่อมันถูกกักตุนไว้ผู้คนก็ไม่สามารถที่จะหามันได้ตามปกติ ดังนั้น เขาก็ต้องยอมจ่ายไปตามที่คนกักตุนเรียกร้อง
วิธีการที่สองคือ การนำสินค้าเพื่อขายด้วยกำไรที่ไม่มากตามสมควร หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทำการค้าครั้งต่อไป แล้วได้กำไร(ตามสมควร) แล้วหลังจากนั้นเขาก็นำเอาสินค้าอื่นๆ มาวาง ก็ขายด้วยกำไรตามสมควรอีก เขาก็ทำในทำนองคล้ายๆ กันแบบนี้ต่อไป ด้วยเหตุนี้ เขาทำกำไรอย่างสอดคล้องกับผลประโยชน์ของพลเมือง ความจำเริญ(บะเราะกะฮฺ)จึงมีมากขึ้น ผู้ที่ทำการค้าเช่นนี้ย่อมได้รับปัจจัยยังชีพ(ริสกี)ที่ดี ดังที่ท่านศาสดาได้แจ้งข่าวดีเอาไว้
คัดลอกข้อมูลจาก : FB สถานี • The Station
โดย เชค ยูสุฟ อัลเกาะเราะฎอวียฺ.
อัลอัค แปลและเรียบเรียง
Like
0
Tags
